เงิน 30,000 ล้านบาท “อย่าย่ามใจ”จาก “คมนาคม” ถึง “คลัง”บทเรียนที่ต้อง “จำ”“ของ ‘อาคม เติมพิทยาไพสิฐ’
เมื่อกระทรวงการคลัง โดยนาย อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีมติให้บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด(ธพส.) อันเป็นเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ สังกัดกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง สร้างศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติส่วนต่อขยาย โซน c ด้านทิศใต้ วงเงินงบประมาณ 30,000 ล้านบาท
เพื่อให้หน่วยราชการเข้าใช้พื้นที่เป็นสำนักงานแทนการเช่าพื้นที่เอกชน ซึ่งจะช่วยลดภาระงบประมาณ และเป็นการสร้างรายได้ให้รัฐเพิ่มขึ้น รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการประสานงาน และการให้บริการประชาชนให้ได้รับความสะดวก ตลอดจนเป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินภายในศูนย์ราชการฯให้เต็มศักยภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุด
แต่แล้วเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2564 นายนาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ได้ประกาศร่างขอบเขตของงาน หรือ TOR (Term of Reference) รายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะของพัสดุ หรือแบบรูปรายการงานก่อสร้างอาคาร ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์(e-bidding) เลขที่โครงการ 641 072 065 22 ว่า ผู้ยื่นข้อเสนอต้องมีผลงานก่อสร้างอาคารสำนักงานที่มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 2,250,000,000 บาท (สองพันสองร้อยห้าสิบบาทถ้วน)พร้อมแสดงสำเนาสัญญาจ้างด้วย
ข้อกำหนดอื่นๆยังพอไหว แต่พอมาถึงข้อ 4 TOR ที่ระบุว่า (4) ผู้ยื่นข้อข้อเสนอผลงานดังกล่าว ต้องมีผลงานการก่อสร้างอาคารสำนักงานที่สร้างใหม่ และได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED (Leadership in Environmental Desigh) ไม่ต่ำกว่าระดับ Gold มีพื้นที่ก่อสร้างไม่น้อยกว่า 65,000 ตารางเมตรด้วย โดยให้นำสำเนาใบรับรองและเอกสารสัญญาผลงานอาคารสำนักงานที่ได้รับรองมาตรฐานมายื่นก่อนวันประกวด
แต่ในข้อที่ 21 กลับตรงกันข้าม โดยกำหนดว่าให้ผู้รับจ้างต้องดำเนินงานก่อสร้างให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานอาคารเขียวไทย (TREES) หรือรับการรับรองมาตรฐาน (Thai s Rating of Energy and Environmental Sustainabiliy)
ผู้รับเหมาก่อสร้างเลยส่งเสียงกันอื้ออึงว่า มีการล็อคสเปกกันหรือเปล่า?
เพราะจะมีบริษัทที่มีคุณสมบัติอาคารเขียว LEED (Leadership in Environmental Desigh) เพียงไม่กี่บริษัทเท่านั้นที่มีคุณสมบัตินี้ และบริษัท2-3 บริษัทนี้เท่านั้นที่วนเวียนรับงานราชการไทย
เมื่อผู้สื่อข่าวได้เจาะลึกไปดูข้อกำหนดเฉพาะงานข้อที่ 21. ก็กำหนดว่าผู้รับจ้างจะต้องดำเนินงานก่อสร้างให้เป็นไปตามข้อกำหนด ตามเกณฑ์การประเมินความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมไทย สำหรับอาคารก่อสร้างและปรับปรุงโครงการใหม่ หรือ TREES-NC(Thai s Rating of Energy and Environmental Sustainabiliy -New Construction) จริงๆ
เลยตั้งข้อสังเกตว่า ทำไม? ข้อกำหนดงานอยากให้ผู้ก่อสร้างกำหนดกรอบการทำงานตามสเปก TREES แต่เวลากำหนด TOR ต้องการแค่สเปก LEED เท่านั้น เหมือนเกลียดปลาใหลแต่อยากกินน้ำแกง ตามภาษิตโบราณไทย
งานนี้น่าจะยาวและจบไม่สวย อาจจะมีการร้องศาลปกครอง ร้องศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ แถมอาจจะร้องไปที่ ปปช.อีกด้วย .. นาย นาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด คงต้องคิดให้มากสักนิดหากจะดึงดันกำหนด TOR แค่คุณสมบัติ LEED
ด้านนาย อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เคยมีบทเรียนมาแล้วเมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อันมีขสมก.เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัด
น่าจะจำได้ เพราะครั้งนั้นขสมก.เกิดปัญหามากมายจาก 2 โครงการใหญ่ที่ต้องดำเนินการ คือ มหากาพย์โครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน พร้อมระบบซ่อมบำรุงรักษาวงเงิน 4,260 ล้านบาท โดนร้องเรียนต่อศาลปกครองกลางว่า มติที่ประชุมบอร์ดขสมก.มีการประชุมเท็จ ปั้นผลมติเพื่อเป็นประโยชน์ต่อบริษัทเอกชนบริษัทหนึ่ง จนศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ทุเลาการบังคับใช้สัญญา
และก็น่าจะจำได้กับกรณีที่ ขสมก. บอกเลิกสัญญาซื้อ-ขายรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา ให้ ขสมก. ชดใช้ค่าเสียหายให้บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด, บริษัท อาร์ แอนด์ เอ คอมเมอร์เชียล วิฮีเคิลส์ เอสดีเอ็น บีเอชดี, บริษัท รถยนต์เซินหลง (เซี่ยงไฮ้) จำกัด และบริษัท เทคโนโลยีพลังงานใหม่ เป่ยฟังกวางโจว จำกัด รวมเป็นเงิน 1,159.97 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 7.5% ต่อปีของเงินต้น 1,147.83 ล้านบาท ขสมก.เจ๊งแล้ว ต้องเจ๊งอีก
และเรื่องระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์ E-Ticket และเครื่องเก็บเงิน Cash Box บนรถโดยสารประจำทาง 2,600 คัน มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 1,665 ล้านบาท ที่เละตุ้มเป๊ะเช่นกัน บริษัทที่ดำเนินการไม่สามารถทำงานได้ตามสัญญา ในที่สุด องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ต้องบอกเลิกสัญญาโครงการเช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์ (E-Ticket) มูลค่ารวม 1,665 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 ด้วยความระทม เพราะเป็นบริษัทใกล้ชิดเจ้านาย
เหตุการณ์นี้ผ่านมาไม่กี่ปีเอง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ น่าจะจำได้ วันนี้หลายเรื่องยังคาราซัง พอย้ายมาเป็นรัฐมนตรีคลัง อย่าทำเป็นลืม .. บทเรียนอย่างนี้น่าจะจำไว้บ้าง
สำหรับนายนาฬิกอติภัค แสงสนิท หากเรียนรู้เรื่องอย่างนี้ไว้บ้าง ก็ดีนะ!
ก็แค่ทำงานให้มีความโปร่งใส ไม่มีปัญหาอะไรในภายหลัง จะเติม TREES หรือเกณฑ์การประเมินความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมไทยเข้าไปใน TOR แล้วปล่อยให้แต่ละบริษัทแข่งขันกันตามกฏระเบียบ แค่นี้เอง ก็สง่างามแล้ว .. ก็คงไม่ต้องเดินขึ้นศาลในบั้นปลายชีวิต
อย่าลืมว่า “คุก”ไม่ได้มีไว้ขังแค่”คนจน”นะ..”คนรวย” “รัฐมนตรี” “ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่”หลายคนก็มีติดคุกกันบ้างแล้วในบั้นปลายชีวิต!!!