สจล. จัดเสวนา “สืบสานปณิธานบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย”ควบคู่เปิดตัวหนังสือดาราศาสตร์ไทยสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯเฉลิมพระเกียรติและฉลอง 65 ปีสถาบัน
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) จัดงานเสวนาเชิงวิชาการในหัวข้อ “สจล. สืบสานปณิธานบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” (From Vision to Innovation: King Rama IV and the Future of Thai Science) เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” เนื่องในวันวิทยาศาสตร์ไทย และในโอกาสครบรอบ 65 ปีแห่งการสถาปนาสถาบัน ทั้งยังเป็นเวทีบูรณาการองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และภูมิปัญญาไทย ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของสถาบันที่มุ่งสร้างนวัตกรรมควบคู่การอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม

งานเสวนาจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม 2568 ณ อาคารหอพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สจล. เป็นประธานเปิดงาน พร้อมปาฐกถาพิเศษนำเข้าสู่หัวข้อเสวนา ซึ่งได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ได้แก่ อาจารย์ภูธร ภูมะธน ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์สังคมสยาม, อาจารย์วรพล ไม้สน นักวิชาการด้านโหราศาสตร์และพยากรณ์ศาสตร์, อาจารย์อารี สวัสดี นักดาราศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการคำนวณปรากฏการณ์ท้องฟ้า
เนื้อหาการเสวนาครอบคลุม 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ สังคมสยามใหม่สมัยรัชกาลที่ 3 และ 4 – วิเคราะห์การเปลี่ยนผ่านทางสังคม เศรษฐกิจ และการติดต่อกับโลกตะวันตก การประยุกต์วิชาดาราศาสตร์สู่วิชาโหราศาสตร์และพยากรณ์ศาสตร์ – เจาะลึกความสัมพันธ์ระหว่างศาสตร์แห่งดวงดาวกับการทำนาย การกำหนดเวลามาตรฐานและการคำนวณการเกิดอุปราคา – ถ่ายทอดความรู้เชิงเทคนิคจากการศึกษาของพระจอมเกล้าฯ และการประยุกต์ใช้ในปัจจุบัน

นอกจากการเสวนาแล้ว ไฮไลท์ของงาน คือ เปิดตัวหนังสือ “ดาราศาสตร์ไทยสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ” เพื่อเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชนและผู้สนใจ ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับพระราชประวัติ พระปรีชาสามารถ และผลงานด้านวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ และโหราศาสตร์ของรัชกาลที่ 4 โดยมี อ.ภูธร ภูมะธน เป็นผู้เขียน และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ทอแสงรัศมี ถีถะแก้ว เป็นบรรณาธิการเล่ม

รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สจล. กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ เป็นการต่อยอดโครงการสำคัญของสจล.ในโอกาสครบรอบ 65 ปี ในการจัดสร้างห้องเทิดพระเกียรติรัชกาลที่ 4 ภายในอาคารหอพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช โดยได้เชิญอาจารย์อารี สวัสดี ที่ปรึกษาสถาบันฯมาให้คำแนะนำ และอาจารย์อารี ได้แนะนำอาจารย์ภูธร ให้มาเป็นที่ปรึกษาโครงการจัดทำห้องเทิดพระเกียรติฯ ภายใต้แนวคิด “เมื่อดาราประกายแสงแห่งปัญญา” นำเสนอพระราชประวัติของพระจอมเกล้ารัชกาลที่ 4 ที่เกี่ยวข้องกับด้านวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ และโหราศาสตร์ รวมถึงบริบทสังคมไทยและโลกในเวลานั้น จนสำเร็จ และได้มีพิธีเปิดอาคารเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 โดยได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เสด็จเปิดงานฯ ซึ่งพระองค์ท่านได้เสด็จพระราชดำเนินรับชมข้อมูลต่าง ๆ ที่จัดแสดงภายในห้องเทิดพระเกียรตินี้ด้วยความสนพระทัยอย่างยิ่ง และทางสถาบันได้ทูลเกล้าถวายหนังสือ “ดาราศาสตร์ไทยสมัยสมเด็จพระจอมเกล้าฯ” เล่มนี้ที่ได้ร้อยเรียงเรื่องราวโดยละเอียดมากขึ้นให้แด่สมเด็จพระเทพฯอีกด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ยังความปลื้มปิติให้กับคณะทำงาน และชาวสจล.อย่างหาที่สุดมิได้

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ทอแสงรัศมี ถีถะแก้ว ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายสื่อสารองค์กร สจล. ในฐานะบรรณาธิการหนังสือ “ดาราศาสตร์ไทยสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ” กล่าวว่า “ดาราศาสตร์ไทยสมัยสมเด็จพระจอมเกล้าฯ” เป็นผลงานศึกษาค้นคว้า เขียน และเรียบเรียงโดยอาจารย์ ภูธร ภูมะธน หนึ่งในปรมาจารย์ด้านประวัติศาสตร์ไทย ท่านได้ค้นคว้าเรื่องราว อันทรงคุณค่าของประวัติศาสตร์ไทยมาร้อยเรียงนำเสนอเพื่อมอบความรู้และชวนคิดต่อยอดองค์ความรู้ในด้านต่างๆ จึงขอเชิญชวนให้ผู้สนใจได้ลองที่อ่านหนังสือเล่มนี้ เพื่อได้เห็นโลกทัศน์ และวิธีคิดของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้ารัชกาลที่ 4 ทั้งในด้านพัฒนาการของสังคม เศรษฐกิจ และความเจริญก้าวหน้าของประเทศ การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ความเข้าใจของโหราศาสตร์ไทยสมัยนั้น และยังสร้างแรงบันดาลใจต่อการมุ่งมั่นทำสิ่งใดเพื่อประโยชน์ส่วนรวมให้กับคนรุ่นหลัง รวมถึงความภาคภูมิใจแก่ชาวพระจอมเกล้าลาดกระบังอีกด้วย โดยสามารถอ่านจากหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ได้ที่ลิงค์ https://anyflip.com/hnqmd/ituj/

อาจารย์ ภูธร ภูมะธน ผู้เขียนหนังสือ“ดาราศาสตร์ไทยสมัยสมเด็จพระจอมเกล้าฯ” กล่าวถึงแรงบันดาลใจในการจัดทำหนังสือเล่มนี้ว่า เกิดจาก อาจารย์อารี สวัสดี ซึ่งเป็นผู้ที่มีอิทธิพลและเป็นแรงบันดาลใจให้ตนสนใจและศึกษาเรื่องดาราศาสตร์มานานกว่า 50 ปี โดยหนังสือเล่มนี้ได้ใช้เวลาค้นคว้ามาหลายปี เพื่อรวบรวมหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องให้ได้มากที่สุด และต้องการนำเสนอข้อมูลที่หลากหลายเกี่ยวกับพระองค์ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นชาวสยามที่เป็นแบบอย่างที่ควรศึกษาเรียนรู้
อย่างไรก็ตาม อาจารย์ภูธรยอมรับว่าการเขียนเรียบเรียงงานนี้เป็นเรื่องที่ท้าทาย เพราะต้องค้นคว้าตำราและหลักฐานเอกสารเป็นจำนวนมาก ทั้งจากแหล่งข้อมูลในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงความแตกต่างของ เงื่อนเวลาและภาษาในแต่ละยุคสมัย แต่ท่านก็ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ร่วมกับทีมบรรณาธิการของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังจนทำให้หนังสือสำเร็จและหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยเติมเต็มองค์ความรู้ทางประวัติศาสตร์ดาราศาสตร์ไทยให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ภายในอาคารหอพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช ประกอบไปด้วย
พระราชประวัติของรัชกาลที่ 4 ช่วงชีวิตแห่งการเรียนรู้ก่อนขึ้นครองราชย์ของพระมหากษัตริย์ผู้มีแนวคิดแบบจักรวาลนิยม และหลังขึ้นครองราชย์
ประวัติศาสตร์สยาม สู่ดาราศาสตร์แห่งอนาคต ตั้งแต่ เกลาดีโอส ปโตเลไมโอส นักภูมิศาสตร์ ดาราศาสตร์ และโหราศาสตร์ชาวโรมันเชื้อสายกรีกโบราณ ผู้ที่เริ่มต้นสนใจด้านดาราศาสตร์ มาจนถึงดาราศาสตร์สมัยอยุธยา สมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้น สมัยรัชการที่ 4 ไปจนถึงอนาคตที่จะเกิด สุริยุปราคาเต็มดวง ครั้งถัดไปในประเทศไทย ในวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2613

ดวงดาวกับชีวิต รู้จักกับดวงดาวและจักราศี ความสัมพันธ์ระหว่างดาราศาสตร์และโหราศาสตร์ ผ่าน โปรแกรมผูกดวงหาดาว จัดทำโดยสำนักงานสื่อสารองค์กร สจล. ร่วมกับที่ปรึกษาคุณภาณุ ไชยสิทธิ์ โปรแกรมเฉพาะเพื่อผูกดวงชะตา และรู้จักดาวประจำตัวของเรา
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับโหราศาสตร์ ของพระจอมเกล้า พระองค์ทรงผูกดวงเมือง ผูกดวงชะตาและตั้งพระนามของพระราชโอรสและพระราชธิดา ร่วมถึงเขียนตำราทางโหราศาสตร์

ห้องโถงใหญ่ เป็นที่ประดิษฐานของ พระสยามเทวาธิราช เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของไทย ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 รวมถึงพระมหาพิชัยมงกุฎ ซึ่งถือเป็นสัญญาลักษณ์ประจำสถาบันฯ และมีการจัดแสดงภาพจำลองปริศนาธรรม “วัดบรมนิวาส” ผลงานจิตรกรรมแบบตะวันตกสุดวิจิตรของ “ขรัวอินโข่ง”
อุโมงค์ดาว ภาพจำลองตำแหน่งดาวในวันที่เกิดสุริยุปราคาเต็มดวงครั้งถัดไปในประเทศไทย ในวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2613 ซึ่งพยากรณ์โดย ดร.ขาว เหมือนวงศ์ และระบุพิกัดโดย อ.อารี สวัสดี ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของห้องเทิดพระเกียรติ รัชการที่ 4 ด้านดาราศาสตร์และโหราศาสตร์แห่งนี้