Friday, August 1, 2025
Latest:
การศึกษา-ไอที

ศิลปศาสตร์ ม.รังสิต หลักสูตรที่ตอบโจทย์การเรียนภาษาของโมเหมียว – จิณห์นิภา ดุลยา

          ในยุคที่การสื่อสารไร้พรมแดน การเรียนรู้ภาษากลายเป็นใบเบิกทางสู่โลกใหม่ และสามารถสร้างโอกาสที่หลากหลายให้กับเราทุกคนได้  หลักสูตรภาษาที่ตอบโจทย์กับผู้เรียนจึงไม่ใช่เพียงแค่การเรียนภาษาจากในตำรา แต่ยังต้องเป็นกุญแจที่พร้อมส่งต่อให้กับผู้เรียนสามารถเปิดประตูไปสู่โลกแห่งผู้คน วัฒนธรรม และได้นำภาษาที่เรียนมาไปใช้ต่อยอดสู่ประสบการณ์ใหม่ๆ ได้

          นางสาวจิณห์นิภา ดุลยา (โมเหมียว) นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาภาษาจีน วิทยาลัยศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ตนจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย สายภาษาอังกฤษ-จีน จากโรงเรียนโพธิสัมพันธ์พิทยาคาร จังหวัดชลบุรี และเลือกศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยรังสิต

          “ก่อนหน้านี้เคยมาร่วมกิจกรรม Open House จึงทำให้ได้สัมผัสบรรยากาศ และรู้สึกประทับใจ จากการสอบถามด้วยตนเองวันงานกิจกรรม การอ่านรีวิว และการพูดคุยกับรุ่นพี่ ก็ได้คำตอบให้กับตัวเอง อีกเรื่องที่เป็นแต้มต่อเรื่องการตัดสินใจ เพราะหนูก็อยากที่จะมีโอกาสดีๆ เรื่องของการได้ไปแลกเปลี่ยน หรือเรียนต่อต่างประเทศ และที่วิทยาลัยศิลปศาสตร์มีโครงการ และความร่วมมือเยอะมากๆ ค่ะ จากวันนั้นจนตอนนี้ เวลาเดินเร็วมาก หนูขึ้นชั้นปีที่ 2 แล้ว ประสบการณ์ในรั้วมหาวิทยาลัย อาจจะต้องมารีวิวตอนอยู่ครบ 4 ปี ว่าเราได้อะไรมาบ้าง แต่สำหรับ 1 ปีที่ผ่านมาก็มากพอที่จะรีวิวให้ฟังได้อยู่ค่า กับการเรียนและการทำกิจกรรม หนูมีความสุขมาก ที่ได้เจออาจารย์ที่เป็นกันเอง รุ่นพี่ที่ใจดี บรรยากาศการเรียน สังคมที่สนับสนุนให้เราเรียนไปด้วยทำกิจกรรมไปด้วย เราเรียนภาษา การได้ร่วมทำกิจกรรมกับนักศึกษาและอาจารย์ต่างชาติ ก็เป็นอีกหนึ่งโอกาสที่หนูจะได้พิสูจน์ตัวเอง อีกหนึ่งประสบการณ์ที่ว้าวเลยของชีวิตนักศึกษาปี 1 คือการได้เป็น LA Ambassador การได้รับตำแหน่งพร้อมทั้งกับทำงานในสภานักศึกษาของคณะ กว่าจะมีกิจกรรมได้ เราต้องมีการประชุมกันอย่างเข้มข้นเลยค่ะ เพราะเป็นงานที่มีกันหลายฝ่าย และทำกันหลายคน ฝ่ายกิจการนักศึกษาของวิทยาลัยศิลปศาสตร์เราเข้มแข็งมากค่ะ ระบบการทำงานที่รุ่นพี่ส่งต่อกันมา และถูกปรับใช้ไปตามสถานการณ์หน้างาน ก็ทำให้รุ่นน้องสามารถเรียนรู้งานและช่วยเหลือกันได้ในหลากหลายหน้าที่ การสังเกตและการสื่อสารกับคนอื่นๆ ในทีม ก็สำคัญมากๆ เลยค่ะเพราะมันช่วยให้เราเห็นปัญหาและสามารถแก้ปัญหาไปด้วยกันได้อย่างทันที”

          ที่ผ่านมาหนึ่งปี สิ่งที่ตอบได้เลยว่าเราพัฒนาตัวเองอย่างไรบ้าง ตอบได้ว่า “เราก็โตขึ้น ไม่ใช่แค่การเรียนในห้องเท่านั้น แต่เป็นการเรียนรู้ชีวิตในทุกมิติ ตั้งแต่การดูแลตัวเอง การจัดสรรเวลา การรับมือกับปัญหาเฉพาะหน้า หรือแม้แต่ความเครียดและแรงกดดันที่มากับการใช้ชีวิต การได้เจอสังคมใหม่ๆ ผู้คนหลากหลาย การทำกิจกรรมร่วมกัน ไปจนถึงการฝ่าฟันช่วงเวลาที่ยากลำบาก ล้วนเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้หนูได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างแท้จริง หนูรู้สึกว่าช่วงชีวิตในมหาวิทยาลัยคือช่วงเวลาที่มีค่ามากที่สุดช่วงหนึ่งเลยค่ะ แม้ว่าจะยังไม่สามารถตอบได้ว่าอนาคตจะประกอบอาชีพอะไร แต่หนูก็มีสิ่งที่อยากทำ ในอนาคตหนูอยากทำงานเป็น International Liaison Officer ค่ะ เพราะหนูรักในภาษาและความเป็นสากลค่ะ ตั้งแต่ปี 1 ที่มีโอกาสได้ทำงานเป็น Liaison รู้สึกเลยว่าชอบงานนี้มากๆ เป็นงานที่เราจะได้อยู่ท่ามกลางผู้คนที่หลากหลายมีโอกาสได้เรียนรู้วัฒนธรรม และรู้จักผู้คนต่างๆ ทั้งการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การต้องทำหน้าที่ประสานงานระหว่างประเทศกับผู้คนค่ะ มหาวิทยาลัยสอนให้หนูปรับตัวให้เป็นท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย สอนให้หนูเข้าใจว่าแต่ละคนก็มีประสบการณ์และความคิดเห็นหรือแม้กระทั่งวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ดังนั้นการสื่อสารจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้เราเข้าใจ และอยู่ด้วยกันได้อย่างดี ซึ่งหนูคิดว่านี่คือทักษะชีวิตจริงที่หนูจะสามารถนำไปต่อยอดในอนาคตการทำงานและการเป็นผู้ใหญ่ของหนูได้ค่ะ”

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *